อาจจะเป็นประโยชน์เลยนำมาฝาก
การรับลูกเสิร์ฟในประเภทคู่ มีหลักที่นักแบดมินตันควรถือปฏิบัติดังนี้
1. ยืนเตรียมพร้อมและหมั่นสังเกตคู่ต่อสู้ คิดวางแผนตอบโต้
ท่ายืนควรย่อตัวเล็กน้อย ทิ้งน้ำหนักที่ปลายเท้า ชูไม้แบดมินตันให้สูงไว้
ตำแหน่งที่ยืน ให้ชิดเส้นส่งลูกสั้น หรือห่างไม่เกิน 1-2 ฟุต
2.หมั่นฝึกหัดสังเกตว่าคู่ต่อสู้มักจะส่งลูกมาในทิศทางใด? ลักษณะใด? ตลอดจนส่งลูกได้ดีมีคุณภาพระดับใด?
3. พยายามเข้าไปตีโต้ตอบลูกเสิร์ฟในขณะที่ลูกแบดมินตันลอยตัวสูงสุด
ก่อนที่ส่วนหัวของลูกแบดมินตัน จะปักลง
เราสามารถจะตีโต้ตอบลูกเสิร์ฟในลักษณะลูกตบ-ลูกแย็บ-ลูกดาด-ลูกผลักครึ่ง
สนาม
4. ถ้าคู่ต่อสู้เสิร์ฟสั้น เราควรชิงจังหวะเข้าตีลูกด้วยความรวดเร็ว เพื่อชิงเป็นฝ่ายรุกทันท่วงที
5. ถ้าคู่ต่อสู้เสิร์ฟยาว
ให้ใช้เท้าที่จรดหน้าคอยถีบดันตัวเองออกหลัง
เมื่อคู่ต่อสู้ส่งลูกมายังส่วนหลังของสนาม
ส่วนมากจะตอบโต้ด้วยลูกตบเหนือศีรษะ(โอเวอร์เฮด) ที่รุนแรงกลับไป
6. เป้าหมายและทิศทางในการตีรับลูกเสิร์ฟ เพื่อชิงเป็นฝ่ายรุก
ควรเลือกเป้าหมายวางลูกโต้ตอบไปที่ผู้เสิร์ฟเป็นเป้าหมายแรก
จุดห่างตัวที่สุดของผู้เสิร์ฟและคู่ขาเป็นเป้าหมายลำดับถัดไป
7. ขณะที่เล่นหรือแข่งขัน หมั่นสังเกตตำแหน่งใดที่คู่ต่อสู้โต้ตอบมาไม่ได้ หรือโต้ตอบมาได้แต่ตกเป็ยฝ่ายรับ
8. หมั่นขยันฝึกซ้อม สังเกตจดจำชั้นเชิงเทคติกการรับลูกเสิร์ฟ จนเกิดทักษะและความชำนาญ
การรับลูกเสิร์ฟ มี 2 รูปแบบ
1. การรับลูกเสิร์ฟ และช่วงชิงเป็นฝ่ายรุกได้
เมื่อคู่ต่อสู้ตีโต้มาด้วยลูกที่ไม่สมบูรณ์แบบ
ให้ตีโต้ตอบด้วยความเด็ดขาดรุนแรงเช่น การตะปบแย็บ การตบ หรือลูกดาดสวน
2. การรับลูกเสิร์ฟ แต่ไม่สามารถช่วงชิงเป็นรุกได้
ทำให้เราตกเป็นฝ่ายรับ
ฝ่ายผู้รับลูกเสิร์ฟควรตีโตตอบกลับไปในพื้นที่และตำแหน่งที่ตนเองเสียเปรียบ
น้อยที่สุด เช่นการแตะหยอดเลียดตาข่ายมากที่สุด ลูกผลักครึ่งสนาม
ลูกงัดโด่งด้านท้ายสนาม หรือตีเชฟไปตามความเหมาะสม
ดังนั้นการตีรับลูกเสิร์ฟในการเล่นคู่มีความสำคัญยิ่ง
เนื่องจากเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการชิงเป็นฝ่ายรุกอย่างได้ผล
หรือตกเป็นฝ่ายรับทันที
No comments:
Post a Comment