Tuesday, August 1, 2023

ความเรื่อง spec ไม้แบดมินตัน Racket

น้ำหนักของไม้แบด และ บาลานซ์
แต่ไม้ที่ น้ำหนักรวมเบากว่าก็อาจจะรู้สึกว่าหัวไม้หนักกว่าได้ เนื่องจากการถ่วงน้ำหนักของไม้ว่าถ่วงไปด้านใด บางรุ่นก็ถ่วงหัว บางรุ่นก็ถ่วงด้าม บางรุ่นก็เฉลี่ยเท่าๆกันทั้งไม้ ดังนั้นนอกจากจะดูน้ำหนักรวมแล้วยังต้องดูการถ่วงน้ำหนักด้วย ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือลองเหวี่ยงตีดู
สำหรับคนชอบเล่นหน้า, เล่นทาง, และเน้นรับ ก็ควรที่จะเลือกไม้เบา เพื่อความรวดเร็วในการพลิกเปลี่ยนหน้าไม้
ส่วนคนชอบตบ ก็ต้องใช้ไม้ที่หัวหนักหน่อย ถึงจะตบได้มันส์และมีน้ำหนัก


Balance Point from Grip End

270-280mm = Head Light            (Defensive)  
275-285mm = Neutral                  (All Round) 
 285-295mm = Head Heavy           (Offensive) 
 295-305mm = Super Head Heavy  (Offensive)


ความอ่อนตัวของก้าน(Flexible)
โดย ส่วนตัวแล้วผมว่าความแตกต่างที่เห็นได้ชัดนอกจากน้ำหนักของไม้ก็คือลักษณะ ของก้านไม้แบด ลักษณะของก้านก็จะมีตั้งแต่ไม้ก้านอ่อน ไปจนถึงไม้ก้านแข็ง จุดเด่นของไม้ก้านอ่อนคือ ช่วยเรื่องเซฟแรง เวลาตีไม่ต้องออกแรงมากเหมาะสำหรับผู้เพิ่งเริ่มต้นเล่นแบดแต่ข้อเสียของไม้ ก้านอ่อนคือ การคอนโทรลทำได้ยากเนื่องจากหน้าไม้แกว่งทำให้เวลาเราตีลูกวางเซฟ หรือลูกตัดก็จะไม่แม่น ต่อมาจุดเด่นของไม้ก้านแข็ง ข้อดีคือเรื่องการคอนโทรลลูกเวลาวางลูกจะแม่นกว่าไม้ก้านอ่อน แต่ข้อเสียของไม้ก้านแข็งคือ เวลาต้องออกแรงเยอะ แล้วแรงสะเทือนของไม้เวลากระทบลูกจะส่งมาขึ้นข้อมือเราได้ทำให้เวลาใช้ไม้ ก้านแข็งจะเมื่อยข้อมือ เมื่อยแขนได้ง่าย
ความตึงเอ็นและการเลือกเอ็น
โดยจะแบ่งเป็นแนวตั้ง(main) กับแนวนอน(cross) ซึ่งจะไม่เท่ากัน แนวตั้งจะรับได้น้อยกว่าแนวนอน
ไม้ที่เบากว่ามักจะรับความตึงได้น้อยกว่าเนื่องจากความบอบบางของเฟรมนั่นเอง สำหรับผู้เล่นทั่วไปนั้นก็จะขึ้นเอ็นกันที่ 20-21 ปอนด์ ไม้ที่รับได้ 21 ปอนด์ก็เพียงพอ แต่ผู้เล่นที่ฝีมือดีหน่อยก็มักจะชอบเอ็นตึงๆ ขึ้นกัน 22-24 ปอนด์ บางคนขึ้นถึง 28 ปอนด์เลยก็มี
อันนี้ก็ต้องดูจาก spec ที่เขียนไว้ที่โคนไม้ จะบอกไว้ทั้ง 2 แนว
สำหรับเอ็นที่มากับไม้นั้นขอบอกว่าหย่อนมาก สำหรับผู้เล่นระดับเริ่มต้นก็พอตีไปก่อนได้ แต่อย่าหวังว่ามันจะขาดแล้วค่อยเปลี่ยนนะครับ มันไม่ขาดง่ายๆ
ส่วนการเลือกเอ็นก็อยู่ที่ขนาดของเส้นเอ็นยิ่งเส้นเล็ก(เช่น BG66 Nanogy98 BG68Ti) ก็จะยิ่งเด้ง แต่ข้อเสียก็จะขาดง่าย แล้วก็คอนโทรลลูกได้ยากกว่าเส้นใหญ่ ข้อดีของเส้นใหญ่(เช่น BG65 BG65Ti)คือจะคอนโทรลลูกได้ง่ายกว่า ขาดยากกว่าแต่ข้อเสียคือ ไม่ค่อ่ยเด้งต้องออกแรงเยอะ

-------------------------
Thank  badbad minton


1. น้ำหนักรวมของไม้แบดมินตัน
ซึ่ง ปกติแล้วที่ไม้แบดมินตันจะมีการบอกน้ำหนักรวมของไม้ไว้ ซึ่ง จะแสดงเป็นตัวอักษร U ซึ่งจะมีด้วยกันหลายตัว เช่น 2U, 3U, 4U เป็นต้น (4U = 80-84.9g, 3U =  85-89.9g, 2U = 90-94.9g) แต่น้ำหนักรวมของไม้ ไม่ได้บอกว่าน้ำหนักของไม้จะเทไปทางไป (ทางหัวกับทางก้านไม้) ซึ่งการถ่วงน้ำหนักจะมีผลกับการตีเช่นกัน 
2. การถ่วงน้ำหนักของไม้แบดมินตัน
 อย่างที่บอกในข้อแรก ลักษณะไม้จะมีการถ่วงน้ำหนัก หลักๆ คือ ทางหัวไม้ กับทางก้าน ซึ่ง หัวไม้หนัก(น้ำหนักเทไปทางหัวไม้)จะเน้นไปทางเกมรุก  ส่วนหัวไม้เบา(นำหนักเทไปทางก้าน) จะเน้นไปทางเกมรับ ซะมากกว่า
3. ขนาดของด้ามไม้แบดมินตัน
  จะมีชื่อเรียกเป็น G ซึ่งในแต่ละยี่ห้อจะมีมาตรฐานแตกต่างกันออกไป บางยี่ห้อเลขมากด้ามจะใหญ่ บางยี่ห้อ เลขน้อยด้ามจะใหญ่ (G2 G3 G4 G5) เราก็เลือกขนาดของด้ามจับให้เหมาะกับขนาดของมือเรา
4. ความตึงของเอ็นสูงสุดที่ไม้แบดมินตันรับได้
จะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ แนวตั้ง กับแนวนอน ซึ่งในแนวตั้งจะรองรับการดึงของเอ็น ได้น้อยกว่าแนวตั้ง ซึ่งความตึงสูงสุดที่ไม้แบดมินตันรับได้ จะมีบอกไว้ที่บริเวณโคนไม้แบดมินตัน
5. รูปทรงของไม้ และความยาวของก้านไม้แบดมินตัน
 ที่นิยมกันก็จะมีอยู่สองแบบ คือ แบบหัวไข่ กับแบบหน้าตัด (ไม่รู้เรียกถูกรึเปล่า) โดยที่ ไม้แบบที่เป็นหน้าตัดจะออกมาที่หลังไม้แบบหัวไข่ (ไม้แบบหน้าตัดจะช่วยเพิ่ม sweet spot ให้มากขึ้น) ส่วนความยาวของไม้จะยาว-สั้น ห่างกันไม่เกิน 1 เซ็นติเมตร โดยประมาณ ซึ่งก็แล้วแต่ความถนัดของคนอีกเช่นกัน
6. ความแข็งของก้านไม้
จะแบ่งออกเป็น แข็งมาก แข็ง ปานกลาง อ่อน อ่อนมาก ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล (ส่วนมากจะบอกว่า ก้านแข็งจะหนักไปทางการเล่นเกมรุก ส่วนก้านอ่อนจะหนักไปทางเกมรับ...เหมือนเป็นทฤษฎีแฮะ -_-*)
7. เทคโนโลยีของไม้แบดมินตัน เป็นส่วนประกอบเสริม (ตามความคิดของผม แทบจะไม่มีความสำคัญ) ที่ทำให้ไม้แบดราคาแพงขึ้นมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ - -* เช่น ถ้าไม่ใส่ไอ้ตัวนี้ลงไปราคา 2,000 แต่ถ้าใส่เทคโนโลยีตัวนี้ไป ราคา 4,500 เป็นต้น - -* แต่คนส่วนมากก็จะยึดติด พวกนี้แฮะ



---------------------------------------------- 

No comments:

Post a Comment